จุดชมวิวยอดฮิต Yokoyama view point กับเพื่อนสองล้อคู่ใจ
การท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยานถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นอกจากจะทำให้ร่างกายได้ออกกำลังกายแล้ว เส้นทางของนักปั่นทั้งหลาย กลับเป็นเส้นทางที่เห็นแล้วต้องอยากตามรอยกันเลยทีเดียว เพราะสามารถไปได้แทบทุกจุดของเมืองและวิวสวยมากจริงๆ
Profile:GOY
สาวผู้รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานเขียนและท่องเที่ยว ชอบธรรมชาติรักประเทศญี่ปุ่นและชอบทานอิเสะเอบิมาก การได้มาสำรวจและเดินทางผจญภัยในจ.มิเอะจึงเป็นความสุขอย่างที่สุด และด้วยทัศนียภาพอันงดงาม ที่เที่ยวเยอะ ผู้คนใจดีจึงทำให้ตกหลุมรักเมืองนี้อย่างง่ายดายจนต้องมาแล้วมาอีก
หลังจากที่เราได้ติดต่อจองทัวร์สุดมันส์ปั่นจักรยานล่วงหน้ามาก่อนนี้แล้วก็นัดเจอกันที่หน้าสถานี Ugata เจ้าหน้าที่น่ารักมาก พาเราขึ้นรถและเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นทริปปั่นจักรยานเพื่อไปชมวิวอันสวยงามของอ่าวอะโกะหากใครอยากให้นัดรับที่โรงแรมก็สามารถแจ้งได้เช่นกันการชำระเงินก็แสนง่ายดายคือจ่ายเมื่อจบทริปก็ได้ มีจักรยานสองแบบให้เลือกคือ แบบธรรมดาและแบบจักรยานไฟฟ้า
มาถึงแล้วทางเข้าของYokoyama บริเวณนี้มีที่จอดรถเช่นกันแต่คราวนี้เราเน้นการท่องเที่ยวแบบรักสุขภาพนิดนึง เลยต้องใช้แรงสักหน่อยสะพานไม้ด้านหลังที่เห็นนั่นคือ ปั่นขึ้นไปได้เลยเพราะจุดหมายของเราคือจุดชมวิวยอดฮิตพร้อมจิบกาแฟร้อนๆ ชมวิวไปพลางๆ เป็นทางเดินไม้เรียบปั่นจักรยานขึ้นไปง่ายทางไม่ลาดชันมากเพราะทำเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถเข็นคนพิการด้วย เรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
ในวันที่อากาศดีวิวก็จะสวยแบบนี้แบบไม่ต้องอธิบายมาก หมู่เกาะที่กระจัดกระจายรอบอ่าวอะโกะสามารถมองเห็นได้จากมุมสูงเท่านั้น ซึ่งเราสามารถเห็นเกาะน้อยใหญ่ไล่เรียงกันไปจนสุดลูกหูลูกตา
เราเดินขึ้นมาถึงระเบียงชมวิวที่เป็นจุดหมายของเราในวันนี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆวิวทิวทัศน์บนนี้สวยเหมาะกับการถ่ายรูปวิวพร้อมกับจักรยานคู่ใจแบบเก๋ๆอวดเพื่อนลงอินสตาแกรมยิ่งนัก การชมวิวแบบพาโนรามาจะทำให้คนที่เห็นหลงรักได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียวนะ
ภูเขาโยโกยาม่ามีความสูง 203 เมตร ล้อมรอบด้วยอ่าวอะโกะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ทางด้านตะวันออกเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก ทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาKiiนอกจากจุดชมวิวโยโกยาม่าแล้วยังมีชั้นอื่น ๆ เช่นดาดฟ้าชมวิวพาโนรามา,ดาดฟ้ามิฮาราชิและหอดูดาวอ่าวอะโกะ แต่ละแห่งก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน
Mirador Shima จุดชมวิวและคาเฟ่ที่เราอาจเข้าไปนั่งพักเพื่อหาอะไรดื่มร้อนๆในวันที่อากาศเย็นการได้นั่งชมวิวพร้อมกับทานขนมที่อร่อยๆ ก็ถือเป็นวันดีๆอีกวัน
ภายในร้านมีมุมให้สั่งขนมและเครื่องดื่ม ด้านในมีลายเซ็นคนดังมากมายที่แวะเวียนมาเยือนมีขนมเบเกอรี่หลากหลายชนิดเช่น พายเแอปเปิ้ล เค้กชิฟฟอน เบเกิ้ลแซนวิช
เมนูอาหารและเครื่องดื่มมีเมนูทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากๆราคาขนมหวานเริ่มต้นที่ 300 เยน ส่วนเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 350 เยนเท่านั้นเองมีเมนูที่เป็นทั้งอาหารกลางวันเบาๆอย่างแซนวิช
ภายในร้านตกแต่งดีไซน์ที่เรียบง่ายสะอาดตา เป็นร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศสบายๆแต่เน้นฝาผนังเป็นกระจกใสที่เราสามารถมองเห็นวิวของภูเขาได้ทั้งสองด้าน ภายในร้านหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟ
กาแฟเป็นของคู่กันกับนักเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็อยากหาร้านกาแฟถูกใจซักร้าน แวะพักระหว่างทางจิบเครื่องดื่มชมวิว
วิปครีมพร้อมเค้กรสชาเขียวราคาถ้วยละ 500 เยน รสชาติชาเขียวหอมหวานละมุนลิ้น ในแบบชาเขียวแท้ๆทานถ้วยนี้หมดแล้วอิ่มเหมือนกันนะเนี่ย ด้านล่างเป็นเค้กชิฟฟ่อน รสชาติกลมกล่อม
สำหรับใครที่หลงใหลร้านกาแฟที่ตกแต่งแนวธรรมชาติที่ด้านบนชั้นสองของร้านให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวที่มีใบไม้ล้อมรอบ วิวกว้างไกลหากเรามาถึงเช้าตรู่ เราจะเจอสายหมอกบางๆแนะนำว่าไม่ควรพลาดช่วงเวลาแห่งความฟินนี้
จิบกาแฟไปชมวิวไปช่างมีความสุขจริงๆ ช่วงเวลาพักผ่อนจะอ่านหนังสือก็ได้ ฟังเพลงก็ดีจิบกาแฟไปดูวิวไปก้อแสนจะเพลิน ร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้มีบรรยากาศเรียบง่าย เป็นกันเองด้วยเสน่ห์ตัวตนของร้านที่ทำให้น่าจดจำ ร้านคาเฟ่สุดเก๋นี้สามารถมอบความสุขให้คุณได้มากกว่าเครื่องดื่มและขนมหวานนานาชนิดเลยล่ะ
ทริปปั่นให้สุดแล้วไปหยุดความสุขไว้ที่ไอริสการ์เด้น" ที่มีดอกไอริสประมาณ 15,000 ต้นที่จะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน
ที่นี่ฤดูใบไม้ผลิเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมนั่นหมายถึงฤดูแห่งการชมซากุระได้มาถึงแล้วส่วนฤดูใบไม้ร่วงเริ่มตั้งแต่ราวช่วงต้นพฤศจิกายนซึ่งเรายังจะได้เห็นสีสันใบไม้เปลี่ยนสีไล่เรียงหลายเฉดสีไป เช่น ส้ม เหลืองเป็นความงดงามของฤดูกาลที่ธรรมชาติได้ส่งความสุขกลับคืนสู่เรา
จุดชมวิวแห่งนี้ได้รับการยอมรับจากคู่มือท่องเที่ยวมิชลินกรีน1 ดาวว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติไว้อย่างดีเยี่ยมควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม
ทางเดินด้านบนเราสามารถเดินต่อขึ้นมายังจุดชมวิวนี้ได้อีกตรงนี้เรานั่งชมวิวอีกด้านของภูเขาได้ ระยะทางเดินขึ้นไปสำรวจประมาณ 3 กิโลเมตร เราอาจจะสลับกับการเดินเล่นไปบนภูเขาได้ด้วยนะเพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนที่แตกต่างได้อีก
เราสามารถมองเห็นเกาะน้อยใหญ่ได้ถึง64 เกาะ และทุกวันที่ 10 หรือ 20 ของทุกเดือนจะมีไกด์ภาษาอังกฤษของคนท้องถิ่นพาสำรวจเส้นทางธรรมชาติและสอนวัฒนธรรมอื่นๆให้ด้วย
หากเราอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากยืนชมวิวสลับมาเดินเล่นบ้างด้านบนนี้เราก็ยังเดินขึ้นไปได้อีกและอาจจะได้เห็นดอกไม้ตามฤดูกาลสลับกับทุ่งหญ้าสีทองตัดกับสีน้ำทะเลให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติทีเดียว