สำรวจเมืองโทบะอันงดงาม บ้านของอามะซังแสนน่าทึ่งและไข่มุกอันวิจิตรงดงาม
เมืองโทบะคือจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้! ดังที่คนส่วนใหญ่ทราบ เมืองโทบะนั้นมีชื่อเสียงในด้านการเพาะเลี้ยงหอยนางรมและไข่มุก โทบะเป็นเมืองแห่งแรกที่เพาะเลี้ยงไข่มุกในญี่ปุ่นและยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไข่มุกแห่งแรกของประเทศอีกด้วย
ครั้งนี้ เราได้สัมผัสประสบการณ์ทัวร์นักดำน้ำอามะหนึ่งวันซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโอซัตสึ คามาโดะ
เขียนโดยไอซิส อาเคมิ มุโต
เราเริ่มต้นทริปด้วยการพบกับคุณกิลดาส ฮาร์เดล ไกด์ทัวร์ของเราที่สถานีโทบะ คุณกิลดาสทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวในโทบะมาสองสามปีแล้วและรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนี้มากมาย เขามาจากฝรั่งเศสแต่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งเหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการมาเยี่ยมชมเมืองโทบะเป็นอย่างมาก
จุดหมายแรกของเราคือส่วนหนึ่งของเมืองที่เราไม่เคยไปมาก่อน นั่นคือภูเขา ถ้าจะเจาะโดยเฉพาะก็คือภูเขาอาโอโนะมิเนะซึ่งมีวัดพุทธที่เรียกว่าโชฟุคุจิตั้งอยู่
คุณอาจคิดว่าทำไมเราถึงไปภูเขาแทนที่จะไปทะเล?/ แต่วัดโชฟุคุจิแห่งนี้ก็เกี่ยวข้องกับทะเลด้วย/ พวกเราเองก็เพิ่งรู้หลังจากที่ไปที่นั่นกัน
เดิมทีแผนของเราคือการเดินป่าจากสถานีที่ใกล้ที่สุดไปยังวัด แต่สภาพอากาศดูน่ากังวลเพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก คุณกิลดาสจึงพาเราไปที่นั่นด้วยรถยนต์ตามเส้นทางที่ที่จริงแล้วเราน่าจะต้องเดินเท้ามา!
ขอบอกเลยว่าการเดินป่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีและฉันก็ชอบมันมาก แต่การขึ้นไปยังวัดด้วยรถยนต์ก็น่าตื่นเต้นเหมือนกัน ทำไมน่ะเหรอ?! เพราะถนนทั้งแคบและโค้งมาก มันไม่สำคัญเลยว่าฉันอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมานานแค่ไหนแล้ว แต่การเป็นผู้ช่วยนักบินหรือขับรถบนถนนแคบๆ ในญี่ปุ่นก็ทำให้ฉันกลัวเสมอ
วิวระหว่างทางนั้นสวยงามมากๆ
คุณกิลดาสรู้จักถนนดีจึงไม่มีอะไรต้องกลัว และเราก็ไปถึงวัดโดยสวัสดิภาพ
วัดแห่งนี้เงียบสงบและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ
วัดอาโอโนะมิเนะซันโชฟุคุจิไม่ได้มีชื่อเสียงสำหรับคนนอกจังหวัดมิเอะสักเท่าไหร่ คุณจึงไม่ค่อยพบเห็นนักท่องเที่ยวมากนัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่เคารพสักการะของชาวประมงและสตรีแห่งท้องทะเล ซึ่งก็คือ อามะซัง
วัดมีสวนที่สวยงามพร้อมบ่อน้ำ สะพาน และต้นไม้มากมาย
เพื่อไปยังรูปปั้นสำคัญของวัด เราต้องข้ามสะพานที่สวยงามแห่งนี้ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้มาเยือนทุกคน
โชฟุคุจิเป็นวัดของนิกายชิงงงในพุทธศาสนามีรูปบูชาหลักคือเจ้าแม่กวนอิมสิบเอ็ดหน้า
กล่าวกันว่ารูปปั้นนี้เป็นตัวแทนของเจ้าแม่กวนอิมสิบเอ็ดหน้าเทพีแห่งความเมตตาซึ่งปรากฏตัวที่ชายหาดโอซัตสึและขี่วาฬไปยังภูเขาอาโอโนะมิเนะ
เราสวดภาวนาต่อพระกษิติครรภโพธิสัตว์ (Jizo Bodhisattva)ซึ่งเป็นรูปบูชาของพุทธศาสนานิกายชิงงงทั้งหมดในบริเวณนี้
ที่นี่มีทางเดินที่เต็มไปด้วยแผ่นไม้ "เอมะ" เรารู้ว่าแผ่นไม้เหล่านี้อยู่ที่นั่นมานานแล้วเพราะตัวหนังสือเริ่มจางหายไป ส่วนใหญ่เป็นแผ่นไม้จากผู้ที่รู้สึกขอบคุณที่ได้กลับบ้านโดยยังมีชีวิตอยู่หลังจากล่องเรือหรือหาปลามาเป็นเวลานาน
วัดสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ริมทะเลนี้ยังคงรักษารูปลักษณ์ที่สวยงามควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์เอาไว้ได้
วัดอาโอโนะมิเนะซังโชฟุคุจิ
เราไม่มีโอกาสเดินขึ้นไปยังวัดอาโอโนะมิเนะซัง โชอุฟุคุจิ แต่เราก็มีการผจญภัยสั้นๆด้วยการเดินไปตามทางช่องเขามัตสึโอะ ช่องเขามัตสึโอะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางศึกษาธรรมชาติคินคิที่มีระยะทาง 3,000 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าประทับใจโดยแผ่ขยายครอบคลุมไปกว่า 9 จังหวัด
คุณกิลดาสอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับประเภทของต้นไม้และดอกไม้ที่เติบโตตามทาง เขายังพาเราไปดูต้นไม้สำหรับทำบินโชตัน ถ่านที่ดีที่สุดในโลกที่ใช้งานได้นานกว่าและไม่มีกลิ่นด้วย วันนี้เราไม่เพียงแค่ได้รับบทเรียนประวัติศาสตร์เท่านั้นแต่ยังมีวิชาชีววิทยาและเคมีอีกด้วย
และแน่นอนว่าเมื่ออยู่ที่โทบะเราก็มีแผนที่จะรับประทานอาหารกลางวันซึ่งเป็นอาหารทะเลที่จับได้โดยนักดำน้ำหญิงที่น่าทึ่งที่สุดในญี่ปุ่น อามะซัง
แต่ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน เราไปยังพิพิธภัณฑ์เล็กๆเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพวกเข
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ถูกเรียกว่าพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโอซัตสึอามะซึ่งทำหน้าที่ควบรวมศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวอีกด้วย
ทันทีที่เราเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ เราเห็นประติมากรรมอามะซังที่กำลังลงไปในน้ำ เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้ใช้เฉพาะเมื่อต้องดำลงไปลึกๆ เช่นลึกประมาณ 15 เมตร เพราะวิธีนี้จะทำให้ดำไปได้เร็วขึ้นมาก ช่างน่าทึ่งสุดๆ!
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโอซัตสึอามะ (สมาคมการท่องเที่ยวโอซัตสึ)
https://osatsu.org/ https://osatsu.org/
0599-33-7453
และแล้วเวลาอาหารกลางวันของเราก็มาถึงในที่สุด
แผนทัวร์ของเราคือการรับประทานอาหารกลางวันที่กระท่อมอามะซึ่งอามะซังใช้เป็นที่พักและรับประทานอาหาร
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้พบกับอามะซัง! ฉันใช้เวลา 22 ปีอยู่ที่ญี่ปุ่นเพื่อได้พบพวกเขาเพียงครั้งเดียว ฉันจึงโชคดีมากที่มีโอกาสได้พบพวกเขาอีกครั้ง
สถานที่ในครั้งนี้เงียบสงบและติดทะเล มันเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆที่เคยเป็นที่พักของอามะซังเพื่อวอร์มอัพหลังดำน้ำ และตอนนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมาที่นี่และทานบาร์บีคิวทะเลได้เหมือนที่เราทำ
สถานที่นี้เรียบง่ายแต่ก็น่าทึ่งมาก! วิวอันน่าตื่นตาตื่นใจของมหาสมุทร อามะซังที่กำลังเตรียมอาหารแสนน่าทึ่งอยู่ตรงหน้าเรา และทุกคนกำลังฟังเรื่องราวอันแสนยอดเยี่ยมของพวกเขา/ ยิ่งได้ฟังมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเคารพพวกเขามากขึ้นเท่านั้น!